โทรศัพท์มือถือ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
- สำหรับความหมายอื่น ดูที่ โทรศัพท์มือถือในประเทศไทย
โทรศัพท์มือถือ หรือ โทรศัพท์เคลื่อนที่ (และมีการเรียก วิทยุโทรศัพท์) คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการสื่อสารสองทางผ่าน โทรศัพท์มือถือใช้คลื่นวิทยุในการติดต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือโดยผ่านสถานีฐาน โดยเครือข่ายของโทรศัพท์มือถือแต่ละผู้ให้บริการจะเชื่อมต่อกับเครือข่ายของโทรศัพท์บ้านและเครือข่ายโทรศัพท์มือถือของผู้ให้บริการอื่น โทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถเพิ่มขึ้นในลักษณะคอมพิวเตอร์พกพาจะถูกกล่าวถึงในชื่อสมาร์ตโฟน
โทรศัพท์มือถือในปัจจุบันนอกจากจากความสามารถพื้นฐานของโทรศัพท์แล้ว ยังมีคุณสมบัติพื้นฐานของโทรศัพท์มือถือที่เพิ่มขึ้นมา เช่น การส่งข้อความสั้นเอสเอ็มเอส ปฏิทิน นาฬิกาปลุก ตารางนัดหมาย เกม การใช้งานอินเทอร์เน็ต บลูทูธ อินฟราเรด กล้องถ่ายภาพ เอ็มเอ็มเอส วิทยุ เครื่องเล่นเพลง และ จีพีเอส
โทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องแรกถูกผลิตและออกแสดงในปี พ.ศ. 2516 โดย มาร์ติน คูเปอร์ (Martin Cooper) นักประดิษฐ์จากบริษัทโมโตโรลา เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักประมาณ 1.1 กิโลกรัม[1] ปัจจุบันจำนวนผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลก เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2543 ที่มีจำนวน 12.4 ล้านคน[2] มาเป็น 4,600 ล้านคน[3]
เนื้อหา[ซ่อน] |
[แก้]วิวัฒนาการของโทรศัพท์มือถือ
- 1G ระบบโทรศัพท์มือถือแบบ analog ระบบที่จัดอยู่ในยุคนี้เช่น NMT, AMPS, DataTac
- 2G ระบบโทรศัพท์มือถือแบบ digital ระบบที่จัดอยู่ในยุคนี้เช่น GSM, cdmaOne, PDC
- 2.5G ระบบโทรศัพท์มือถือแบบ digital ที่เริ่มนำระบบ packet switching มาใช้ ระบบที่จัดอยู่ในยุคนี้เช่น GPRS
- 2.75G ระบบที่จัดอยู่ในยุคนี้เช่น CDMA2000 1xRTT, EDGE
- 3G ระบบโทรศัพท์มือถือแบบ digital ที่มีความสามารถครบทั้งการสื่อสารด้วยเสียงและข้อมูลรวมถึงวิดีโอ ระบบที่จัดอยู่ในยุคนี้เช่น W-CDMA, TD-SCDMA, CDMA2000 1x-EVDO
- 3.5G ระบบโทรศัพท์มือถือแบบ digital ที่มีความเร็วในการส่งข้อมูลสูงขึ้นกว่า 3G เช่น HSDPA ใน W-CDMA
- 4G ระบบโทรศัพท์มือถือแบบ Real-Digital สามารถเชื่อมต่อข้อมูล 3 แบบ ภาคพื้นดิน CDMA PA-H และการเชื่อมต่อ ewifi และ Wi-Max เพื่อการเชื่อมภาพและเสียงเป็นข้อมูลเดียวกัน
[แก้]ระบบปฏิบัติการมือถือ
- ซิมเบียน ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ในค่ายโนเกีย
- วินโดวส์โมบาย จะใช้กับโทรศัพท์มือถือที่เป็น PDA (Personal digital assistants)
- ไอโอเอส (ios) ใช้เฉพาะใน ไอโฟน ไอแพด และ ไอพอดทัช
- BlackBerry OS (BB)
- แอนดรอยด์ จากทาง google
- เว็บโอเอส (webOS)
- มีโก (MeeGo) จากทางโนเกีย(nokia)
[แก้]ส่วนแบ่งการตลาด
[แก้]ผู้ผลิตมือถือ
ที่มา | สถิติเมื่อ | โนเกีย | ซัมซุง | แอลจี | RIM | โซนี่ อิริคสัน | อื่นๆ | อ้างอิง |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
IDC | ไตรมาสที่ 1 ปี 2553 | 36.6% | 21.8% | 9.2% | 3.6% | 3.6% | 25.3% | [4] |
Gartner | ไตรมาสที่ 1 ปี 2553 | 35.0% | 20.6% | 8.6% | 3.4% | 3.1% | 29.3% | [5] |
IDC | ไตรมาสที่ 3 ปี 2554 | 24.2% | 19.2% | 6.8% | n/a | n/a | n/a | [6] |
Gartner | ไตรมาสที่ 3 ปี 2554 | 22.8% | 16.3% | 5.7% | n/a | n/a | na | [7] |
[แก้]ระบบปฏิบัติการมือถือ
ที่มา | สถิติเมื่อ | ซิมเบียน | BlackBerry OS | แอนดรอยด์ | iOS | วินโดวส์ โมบาย | อื่นๆ | รวม | อ้างอิง |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
IDC | ไตรมาสที่ 1 ปี 2553 | 40.1% | 17.9% | 16.3% | 14.7% | 6.8% | 4.2% | 100% | [8] |
Inw | ไตรมาสที่ 2 ปี 2554 | 19.2% | 13.4% | 38.5% | 19.4% | 5.6% | 3.9% | 100% | [9] |
[แก้]ผลกระทบต่อสุขภาพ
- ดูบทความหลักที่ รังสีโทรศัพท์เคลื่อนที่กับสุขภาพ
ความเชื่อที่ว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาวนั้น ปัจจุบันได้รับการยืนยันจากองค์การอนามัยโลกแล้ว โดยองค์การฯ ได้บรรจุโทรศัพท์เคลื่อนที่ไว้ในรายชื่อวัตถุก่อมะเร็ง[10][11] ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้ออกรายงานเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554[12] โดยจัดว่ารังสีโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็น "วัตถุก่อมะเร็ง" และ "อาจก่อให้เกิดมะเร็งในมนุษย์" ได้ รายงานดังกล่าวออกมาหลังจากทีมนักวิทยาศาสตร์ได้ทบทวนการศึกษาเกี่ยวกับความปลอดภัยของโทรศัพท์เคลื่อนที่[13] งานวิจัยหนึ่งว่าด้วยการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในอดีตนั้นได้ถูกอ้างอิงในรายงานซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่อย่างหนักจะมีความเสี่ยงเป็นเนื้องอกในสมองมากขึ้นถึง 40% (รายงานการใช้โดยเฉลี่ย 30 นาทีต่อวัน เป็นเวลาติดต่อกันนานกว่า 10 ปี)[14] ซึ่งรายงานดังกล่าวตรงกันข้ามกับการสรุปก่อนหน้านี้ซึ่งไม่คาดว่ามะเร็งจะเกิดขึ้นเป็นผลมาจากโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือสถานีฐาน และการทบทวนดังกล่าวไม่ได้พบหลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพด้านอื่นแต่อย่างใด[15][16]
[แก้]ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือ
|
|
[แก้]ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
- ^ Heeks, Richard (2008). "Meet Marty Cooper - the inventor of the mobile phone". BBC 41 (ฉบับที่ 6): 26–33. doi:10.1109/MC.2008.192.http://news.bbc.co.uk/2/hi/programmes/click_online/8639590.stm.
- ^ http://www.worldmapper.org/display.php?selected=333
- ^ Heeks, Richard (2008). "ICT4D 2.0: The Next Phase of Applying ICT for International Development". IEEE Computer 41 (ฉบับที่ 6): 26–33. doi:10.1109/MC.2008.192.http://doi.ieeecomputersociety.org/10.1109/MC.2008.192.
- ^ "By the Numbers: Top Five Mobile Phone Vendors in the First Quarter of 2010 - IDC". Idc.com. 2009-07-21. http://www.idc.com/getdoc.jsp?containerId=prUS22322210. เรียกข้อมูลเมื่อ 2010-07-29.
- ^ "April 2010 Mobile Metrics Report". September 30, 2010. http://www.gartner.com/it/page.jsp?id=1372013.
- ^ "Worldwide Mobile Phone Market Grew More Than 11% in the Second Quarter; Feature Phones Decline for First Time in Almost 2 Years, According to IDC". Idc.com. 2011-12-2.http://www.idc.com/getdoc.jsp?containerId=prUS22962811. เรียกข้อมูลเมื่อ 2011-12-2.
- ^ "Gartner Says Sales of Mobile Devices in Second Quarter of 2011 Grew 16.5 Percent Year-on-Year; Smartphone Sales Grew 74 Percent". 2011-12-2.http://www.gartner.com/it/page.jsp?id=1764714.
- ^ "IDC พยากรณ์ส่วนแบ่งตลาดมือถือปี 2014: iOS ลดลง, Android โต 50%, Symbian ยังแชมป์". Idc.com. 2010-09-8. http://www.blognone.com/news/18443. เรียกข้อมูลเมื่อ 2010-09-8.
- ^ "Android สุดยอด Mobile OS กินส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดถึง 38.5 % ในปี 2011 และจะเป็นครึ่งหนึ่งของโลกในปี 2015". http://blog.lnw.co.th/2011/04/08/android-%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94-mobile-os-%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2/.+2011-12-2. http://www.blognone.com/news/18443. เรียกข้อมูลเมื่อ 2011-12-2.
- ^ WHO: Cell phone use can increase possible cancer risk By Danielle Dellorto, CNN May 31, 2011
- ^ "What are the health risks associated with mobile phones and their base stations?". Online Q&A. World Health Organization. 2005-12-05.http://www.who.int/features/qa/30/en. เรียกข้อมูลเมื่อ 2008-01-19.
- ^ "World Health Organization/International Agency for Research on Cancer Classifies Radiofrequency Electromagnetic Fields as Possibly Carcinogenic to Humans". World Health Organization. http://www.iarc.fr/en/media-centre/pr/2011/pdfs/pr208_E.pdf. เรียกข้อมูลเมื่อ 2011-05-31.
- ^ "WHO: Cell phone use can increase possible cancer risk". CNN. http://www.cnn.com/2011/HEALTH/05/31/who.cell.phones/index.html. เรียกข้อมูลเมื่อ 2011-05-31.
- ^ "World Health Organization: Cell Phones May Cause Cancer". Business Insider. http://www.businessinsider.com/cell-phones-cause-cancer-2011-5. เรียกข้อมูลเมื่อ 2011-05-31.
- ^ "What are the health risks associated with mobile phones and their base stations?". Online Q&A. World Health Organization. 2005-12-05.http://www.who.int/features/qa/30/en. เรียกข้อมูลเมื่อ 2008-01-19.
- ^ "Electromagnetic fields and public health: mobile telephones and their base stations". Fact sheet N°193. World Health Organization. June 2000.http://www.who.int/mediacentre/factsheets/fs193/en. เรียกข้อมูลเมื่อ 2008-01-19.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น